จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประเด็นปัญหาการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน พิจารณากรณีการจัดเก็บภาษีที่อยู่อาศัยตาม พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475

ประเด็นปัญหาการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน พิจารณากรณีการจัดเก็บภาษีที่อยู่อาศัยตาม
พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475
เนื่องจากภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นภาษี ท้องถิ่นซึ่งมีผลกระทบต่อท้องถิ่นโดยตรง อันส่งผลไปถึงการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมชุมชนของท้องถิ่นโดยตรง ในที่นี้ผู้เขียนมีประเด็นพิจารณาอยู่ 2 ประเด็น คือ
ประเด็นที่ 1 ประเด็น ที่อยู่อาศัย
ขอแยกพิจารณาเรื่อง  “ที่อยู่อาศัยออกเป็น 2 กรณี คือ
(1) “ที่อยู่อาศัยที่เจ้าของอยู่เอง ได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินตามมาตรา 10
(2) “ที่อยู่อาศัยที่เจ้าของมิได้อยู่เอง แต่ปิดไว้ตลอดปี  ได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินตามมาตรา 9 (5)
ฉะนั้น ในกรณีที่ ที่อยู่อาศัยที่เจ้าของอยู่เอง แต่ปิดไว้ตลอดปี  ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินตามข้อยกเว้นมาตรา 10 กล่าวคือ  เป็นกรณีที่เจ้าของอยู่เอง ไม่ว่าจะเปิด หรือปิดตลอดปีก็ตาม
จากประเด็นปัญหาข้างต้น ก่อให้เกิดปัญหาในเรื่อง หลักความเป็นธรรมทางสังคมสำหรับผู้ที่บ้านอยู่อาศัย(รวมมูลค่าของที่ดินด้วย)มีมูลค่าสูง ๆ  ในเรื่อง ฐานภาษีแคบลงเพราะมีการยกเว้นภาษีให้แก่โรงเรือนที่เจ้าของใช้อยู่อาศัย หรือ ที่เจ้าของมิได้อยู่เอง แต่ปิดไว้ตลอดปี  เป็นผลทำให้ท้องถิ่นจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินได้น้อย มีเงินไม่เพียงพอแก่การใช้จ่าย
กรณีการอยู่อาศัยเอง โดยเฉพาะ ในกรณีที่เจ้าของไปปลูกบ้านที่อยู่อาศัยมูลค่าสูง ๆ เพื่อเป็นบ้านพักผ่อน หรือบ้านตากอากาศของเศรษฐี  ในกรณีนี้ หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าบ้านโรงเรือนที่ปลูกเป็น ที่อยู่อาศัยก็จะถูกตีความว่าเข้าข้อยกเว้นทันที ไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ตามมาตรา 10 ซึ่งไม่ถูกต้อง  เป็นปัญหาในการตรวจสอบและวินิจฉัย  เพราะ ที่อยู่อาศัยควรหมายถึงที่พักที่อยู่ประจำ หรืออย่างน้อยต้องเฉลี่ยระยะเวลาการอยู่อาศัยไม่น้อยกว่า 180 วัน (6 เดือน) แต่ปรากฏว่า บ้านพักผ่อน หรือบ้านตากอากาศของเศรษฐี  ดังกล่าว มีการปลูกบ้านทิ้งไว้  แล้วมิได้อยู่ประจำตามความหมายของ ที่อยู่อาศัย”  แต่ก็ได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินโดยปริยายเช่นกัน ทำให้เห็นถึงความ ไม่เป็นธรรมได้
ฉะนั้น กรณีตีความว่าเป็น ที่อยู่อาศัยแล้ว มิได้หมายความว่าจะได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินทั้งหมด ดังกล่าวข้างต้น  จึงถือเป็นช่องว่างของกฎหมายที่นำไปตีความในทางที่เป็นประโยชน์ต่อนายทุนหรือผู้ที่มีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก โดยไม่คำนึงถึงการกระจายรายได้ หรือ การกระจายภาระทางสังคมให้แก่เศรษฐีหรือผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งมีทรัพย์สินที่มิได้ก่อให้เกิดประโยชน์ในทางเศรษฐศาสตร์แต่อย่างใด




ประเด็นที่ 2 ในกรณีไม่มีค่าเช่าหรือหาค่าเช่าไม่ได้ เช่น เจ้าของดำเนินการเอง
ในความหมายของ ค่ารายปีตามมาตรา 8 แห่ง พรบ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินฯ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ดุลยพินิจในการประเมินค่ารายปี ประสบกับปัญหามาตรฐานความถูกต้องในการจัดเก็บภาษี
                เรื่องนี้กระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (เดิมกรมการปกครอง) ได้มีหนังสือสั่งการกำหนดให้นำ อัตราค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตรมาใช้ในกรณีที่หาค่าเช่าไม่ได้  หรือ นำมาเป็นฐานในการประเด็นการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินที่ถูกต้องเป็นธรรม ตามนัยหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0307/2393 เรื่อง ซักซ้อมแนวทางการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน และการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 10 กันยายน 2536 แต่อย่างไรก็ตาม ตามบันทึกความเห็นของกฤษฎีกาเลขเสร็จที่ 359/2536 มีความเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวของหน่วยราชการบริหารส่วนท้องถิ่นอาจกำหนดเป็นการภายใน (แนวทางปฏิบัติภายใน) ยังไม่ถือเป็นการทั่วไป  ซึ่งการกำหนดอัตราค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตรนี้มีหลักการโดยสรุปก็คือ การแบ่งย่านที่ดินออกเป็นย่าน ๆ ตามสภาพการใช้ประโยชน์ธุรกิจ  หากย่านใดมีการใช้ประโยชน์ธุรกิจมากก็คิดคำนวณอัตราภาษี ค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่สูงกว่าอีกย่านหนึ่ง ทั้งนี้ให้มีการพิจารณาปรับปรุงเป็นประจำทุกปี  ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาไม่มีค่าเช่าหรือหาค่าเช่าไม่ได้ เช่น เจ้าของดำเนินการเอง 
                จึงมองได้ว่า นอกจากภาษีโรงเรือนและที่ดินมีฐานภาษีที่ไม่มีความแน่นอนแล้ว  การใช้ฐานค่าเช่ารายปีดังกล่าว ยังขัดกับหลักการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินเพราะเป็นการจัดเก็บภาษีเฉพาะทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้เท่านั้น 
                ปัญหาการประเมินและจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน  พบว่า มีทั้งใช้รูปแบบที่เป็นทำเล ซึ่งเดิมและปัจจุบันนี้ยังใช้อยู่ จะมีแต่เกณฑ์ ประเมินเฉพาะอาคารที่ตั้งอยู่ในทำเลที่กำหนดมาตรฐานไว้แล้ว ส่วนบริเวณที่ไม่มีการกำหนดไว้ ก็ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้การตัดสินใจเก็บภาษี มีข้อคิดพิจารณาได้ทั้ง 2 รูปแบบ ว่าจะจัดเก็บในลักษณะใดเป็นทำเลหรือตารางเมตร 
 สรุปปัญหาการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน ดังนี้ 
1) ฐานภาษีไม่มีความแน่นอน โดยเฉพาะในกรณีไม่มีค่าเช่าหรือหาค่าเช่าไม่ได้
2) อัตราภาษีสูงเกินไป ในอัตราร้อยละ 12.5 ของค่าเช่าต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันทำให้มีการหลบเลี่ยงภาษี
3) ฐานภาษีแคบ เนื่องจากยกเว้นภาษีให้แก่โรงเรือนที่เจ้าของใช้อยู่อาศัยและโรงเรือนปิดว่าง
4) มีการยกเว้นบ้านอยู่อาศัยที่ไม่เป็นธรรม โดยไม่ได้คำนึงถึงมูลค่าของบ้านและที่ดินที่แตกต่างกันมาก ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม
5) ผู้เช่าโรงเรือนอยู่อาศัยมักจะถูกผลักภาระภาษีตามสัญญาเช่าโรงเรือนอยู่อาศัยในขณะที่เจ้าของโรงเรือนบ้านอยู่อาศัยกลับได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี
6) การใช้ฐานค่าเช่ารายปีขัดกับหลักการจัดเก็บภาษีทรัพย์สิน เพราะการใช้ฐานค่าเช่ารายปีเป็นการจัดเก็บภาษีเฉพาะทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้เท่านั้น 

7) ภาษีโรงเรือนฯใช้ฐานค่ารายปีหรือค่าเช่าต่อปี ในการประเมินภาษี จึงมีความซ้ำซ้อนกับการเก็บภาษีเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน

ที่มา gotoknow.org

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น